เอกสารที่ฟรีแลนซ์ใช้รับงาน มีอะไรบ้าง (มากกว่าใบเสนอราคา)

สำหรับฟรีแลนซ์ที่ต้องการทำงานอย่างมืออาชีพ การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเมื่อติดต่อกับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือแล้ว ยังช่วยลดปัญหาความเข้าใจผิด และทำให้การรับงานมีความราบรื่น

โดยเอกสารที่ฟรีแลนซ์ต้องออกให้ผู้ว่าจ้าง ได้แก่:

  1. ใบเสนอราคา (Quotation)
  2. สัญญาจ้างงาน
  3. ใบแจ้งหนี้ (Invoice)
  4. ใบเสร็จรับเงิน / บิลเงินสด (Receipt)
  5. ใบส่งมอบงาน

1. ใบเสนอราคา (Quotation)

ใบเสนอราคาเป็นเอกสารที่ใช้เสนอราคาสำหรับงานที่ลูกค้าสอบถามเข้ามา โดยจุดประสงค์คือเพื่อให้ลูกค้าเห็นขอบเขตงานที่จะทำ ราคาที่ต้องจ่าย และเงื่อนไขเบื้องต้นต่าง ๆ ก่อนตกลงเริ่มงานจริง การมีใบเสนอราคาที่ชัดเจนช่วยลดความสับสน ลดความเสี่ยงเรื่องลูกค้าต่อราคาไม่จบ หรือเข้าใจผิดเรื่องขอบเขตงาน และยังทำให้การทำงานดูมีระบบมากขึ้น

สิ่งที่ควรมี:

  • ชื่อ/โลโก้ของฟรีแลนซ์หรือชื่อธุรกิจ
  • วันที่ออกใบเสนอราคา
  • รายละเอียดของงานหรือบริการที่เสนอ
  • จำนวนเงินรวม (ระบุชัดเจนว่าเป็นราคาก่อนหรือหลังภาษี)
  • เงื่อนไขการชำระเงิน (มัดจำ / งวด / จ่ายเต็ม)
  • ระยะเวลาทำงานโดยประมาณ
  • ช่องทางติดต่อ เช่น อีเมล เบอร์โทร เว็บไซต์

2. สัญญาจ้างงาน

สัญญาจ้างงานเป็นเอกสารสำคัญที่ฟรีแลนซ์ควรจัดทำขึ้นเอง แล้วส่งให้ลูกค้าตรวจสอบและลงนามก่อนเริ่มงานจริง โดยในสัญญาจะกำหนดรายละเอียดงาน ขอบเขตความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย เงื่อนไขการจ่ายเงิน และข้อตกลงเกี่ยวกับลิขสิทธิ์หรือการแก้ไขงาน เพื่อป้องกันความขัดแย้งในอนาคต

สิ่งที่ควรมี:

  • ชื่อและข้อมูลติดต่อของฟรีแลนซ์และลูกค้า
  • รายละเอียดของงานที่ต้องทำ (Scope of Work)
  • กำหนดส่งงานหรือระยะเวลาทำงาน
  • ค่าจ้างและเงื่อนไขการชำระเงิน (มัดจำ งวด หรือหลังจบงาน)
  • ข้อกำหนดเกี่ยวกับการแก้ไขงาน (จำนวนครั้ง และกรอบเวลา)
  • เงื่อนไขการยกเลิกสัญญา
  • ลิขสิทธิ์ของงาน (ใครถือครองสิทธิหลังส่งงาน)
  • ช่องทางการติดต่อและการส่งงาน
  • ลายเซ็นของทั้งสองฝ่ายพร้อมวันที่

3. ใบแจ้งหนี้ (Invoice)

ใบแจ้งหนี้เป็นสิ่งที่ต้องออกให้ลูกค้าหลังจากส่งงานแล้ว หรือใช้เพื่อเรียกเก็บค่าจ้างในแต่ละงวด โดยใบแจ้งหนี้ถือเป็นหลักฐานสำคัญว่าฟรีแลนซ์ได้ส่งงานครบตามข้อตกลง และใช้ประกอบการบันทึกบัญชีรายรับของทั้ง 2 ฝ่าย

สิ่งที่ควรมี:

  • หมายเลขใบแจ้งหนี้ (รันเลขตามลำดับเพื่อบันทึกบัญชี)
  • วันที่ออกใบแจ้งหนี้
  • ชื่อ/ที่อยู่ของทั้ง 2 ฝ่าย
  • รายการรายละเอียดงานหรือบริการ
  • ยอดเงินรวมที่ต้องชำระ (ระบุชัดเจนเรื่องภาษี เช่น VAT หรือไม่มี)
  • เงื่อนไขการชำระเงิน (ภายในกี่วัน / ช่องทางโอน)
  • ข้อมูลบัญชีธนาคารของผู้รับเงิน
  • เบอร์โทร/อีเมลของผู้ส่ง

4. ใบเสร็จรับเงิน / บิลเงินสด (Receipt)

หลังจากได้รับเงินจากลูกค้า ฟรีแลนซ์ควรออกใบเสร็จรับเงินเพื่อยืนยันว่าการชำระเงินเสร็จสิ้นแล้ว ใบเสร็จนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในเชิงภาษี เพราะเป็นหลักฐานที่ลูกค้าสามารถใช้บันทึกค่าใช้จ่ายทางบัญชีได้ โดยเฉพาะหากลูกค้าเป็นองค์กรหรือบริษัท

สิ่งที่ควรมี:

  • หมายเลขใบเสร็จ (ควรรันลำดับต่อเนื่อง)
  • วันที่ออกใบเสร็จ
  • รายละเอียดของงานหรือบริการที่ชำระเงินแล้ว
  • จำนวนเงินที่ได้รับ (ระบุรวมภาษีหรือไม่)
  • ชื่อและที่อยู่ของผู้ชำระเงิน (ลูกค้า)
  • ชื่อและที่อยู่ของผู้รับเงิน
  • ช่องทางการชำระเงิน (เงินสด / โอนบัญชี / QR Code)
  • ลายเซ็นของผู้รับเงิน

หมายเหตุ: หากยอดเงินเกิน 30,000 บาท และลูกค้าต้องใช้เอกสารภาษีที่สมบูรณ์ อาจต้องออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ (ต้องจด VAT)

5. ใบส่งมอบงาน

แม้จะไม่เป็นทางการเท่าอย่างอื่นที่กล่าวไป แต่ใบส่งมอบงานถือเป็นหลักฐานว่าฟรีแลนซ์ได้ส่งมอบงานครบถ้วนตามข้อตกลง โดยเฉพาะงานที่มีหลายงวดหรือแบ่งเป็นหลายเฟส การมีใบนี้จะช่วยยืนยันว่าได้ส่งส่วนใดไปแล้วบ้าง

สิ่งที่ควรมี:

  • ชื่อโปรเจกต์หรืองานที่เกี่ยวข้อง
  • รายการงานที่ส่ง (เช่น ไฟล์งาน, รายงาน, ลิงก์)
  • วันที่ส่งมอบ
  • ช่องให้ลูกค้าลงชื่อหรือยืนยันการรับงาน (ถ้ามี)
  • หมายเหตุหรือคำอธิบายเพิ่มเติม เช่น รอรีวิว/ส่งฉบับแก้ไขในรอบถัดไป

โบนัส: หนังสือรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย

หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นเอกสารที่ลูกค้าผู้ว่าจ้างจะต้องออกให้ฟรีแลนซ์หากมีการจ้างงานในนามบริษัท ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องแจ้งให้ผู้ว่าจ้างทราบหากไม่ได้รับ

สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญในการใช้เป็นหลักฐานว่าได้ถูกหักภาษีไว้แล้วตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เช่น 3% หรือ 5% ตามลักษณะงาน และใช้แนบในการยื่นภาษีรายปีเพื่อนำไปเครดิตภาษีคืนได้

สิ่งที่ควรมี:

  • ชื่อและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ว่าจ้าง (ลูกค้า)
  • ชื่อและเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ทำงาน
  • รายละเอียดค่าจ้างที่จ่าย (เช่น 100,000 บาท)
  • อัตราภาษีที่หัก (เช่น 3%) และจำนวนเงินที่หัก (เช่น 3,000 บาท)
  • วันที่จ่ายเงิน
  • เลขที่เอกสารและลายเซ็นของผู้ว่าจ้าง
  • ชื่อของหน่วยงานผู้ออก (เช่น บริษัท, องค์กร)
  • ปีภาษีที่เกี่ยวข้อง

โปรแกรมออกใบเสนอราคาและอื่นๆ ออนไลน์

หากท่านกำลังมองหาโปรแกรมออกใบเสนอราคาและเอกสารอื่นๆ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้ สามารถใชเบริการโปรแกรมทำใบเสนอราคา ERPPOP ของเราได้ ซึ่งเป็นโปรแกรมออนไลน์ ใช้งานสะดวก มาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบคำนวนต่างๆ การจัดการเอกสาร ระบบจัดการข้อมูล รวมไปถึงการรายงานผลต่างๆ ในหน้า Dashboard

สนใจติดต่อเราวันนี้ โทร 0818390789 หรือคลิกที่ปุ่มด้านล่างเพื่อทดลองใช้งานฟรี

Similar Posts